
ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจัดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง
ในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีรักษา
ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ (oral mucositis) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีหรือเคมีบำบัด ในขณะการฉายรังสีผู้ป่วยจะมีภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามปริมาณรังสีหรือยาเคมีบำบัดที่ได้รับ สามารถพบได้บ่อยในบริเวณเยื่อบุช่องปาก ริมฝีปาก เหงือก ลิ้น เพดาน พื้นของช่องปาก
" เยื่อบุช่องปากอักเสบมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ "
ลักษณะและผลกระทบของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ








ข้อมูลด้านระบาดวิทยา
ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบจัดเป็นภาวแทรกซ้อนหนึ่งที่คุกคามคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็ง
โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุในช่องปาก เมื่อได้รับยาเคมีบำบัดและหรือร่วมกับการฉายแสง เยื่อบุช่องปากอักเสบ มักเกิดอาการมากสุดในช่วง 7 วันหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด

อุบัติการณ์: การเกิดเยื่อบุช่องปากอักเสบที่เกิดจาก
ยาเคมีบำบัดทั่วๆไปประมาณ 20 - 40%

อุบัติการณ์: ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดที่ได้รับการรักษาด้วย hematopoietic cell transplantation (HCT) โดยเฉพาะ myeloablative allogeneic HCT จะมีอุบัติการณ์สูงถึง 80%

อุบัติการณ์: พบได้ถึงร้อยละ 85 และมีอุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยละ 98 ในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด

กลไกการเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
ในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา
เมื่อมีการฉายรังสี อนุภาคของรังสีจะส่งผลให้เซลล์ของเยื่อบุบางลงทำลายเซลล์ต้นกำเนิดของเยื่อบุผิวทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้
มีผลทำให้ไม่เกิดการแบ่งเซลล์และสร้างเซลล์ใหม่ เยื่อบุช่องปากจึงบางลงเรื่อยๆ และทำให้เกิดแผลในช่องปากตามมา นอกจากนี้อนุภาคของรังสียังมีผลเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของต่อมน้ำลาย ทำให้ผู้ป่วยมีปริมาณน้ำลายลดลงจนเกิดภาวะน้ำลายแห้งอีกด้วย
องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้แบ่งความรุนแรง
ของเยื่อบุช่องปากอักเสบเป็น 4 ระดับ ดังนี้




ในกรณีมะเร็งที่ศีรษะและคอ ผู้ป่วยมักได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดร่วมด้วย
และยาเคมีบำบัดนั้นจะส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อม


กราฟแสดงร้อยละผู้ป่วยมะเร็งด้วยการรักษาแบบต่างๆ
กับระดับความรุนแรงของเยื่อบุช่องปากอักเสบที่เกิดขึ้น

จากกราฟจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบเคมีบำบัดมีโอกาสเกิดเยื่อบุช่องปากอักเสบได้มากกว่าการรักษาแบบรังสีรักษา เช่น 76-69.2% ของผู้ป่วยจะมีภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในระดับ 1 และ 2 ตามลำดับ แต่วิธีการรักษาแบบที่ใช้ทั้งเคมีบำบัดและรังสีรักษามีโอกาสเกิดแผลในระดับ รุนแรง (โดยเฉพาะในระดับ3และ4) มากกว่าการรักษาโดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง จากกราฟจะเห็นได้ว่าผู้ป่วย 54.3-66.7% ที่ได้รับทั้งเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา จะเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในระยะที่ 3 และ 4 ตามลำดับ
ขั้นตอนการเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
สามารถแบ่งได้เป็น 4 ขั้นตอนดังนี้

1. Initiation phase (ระยะเริ่มต้น)
โดยในระยะนี้อนุภาครังสีจะส่งผลต่อเซลล์ โดยทำให้ DNA แตกออก ทำลายโปรตีนภายในเซลล์ และทำให้เอนไซม์ที่มีหน้าที่ยึดเซลล์ไว้สลายออก ดังนั้นเนื้อเยื่อบุช่องปากจะเริ่มเสียหายและหลุดออกจากกัน
2. Amplification (ระยะขยายสัญญาณ)
จะเกิดต่อจากระยะแรกโดยจะเกิดการทำลายเยื่อบุช่องปากเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการตายของเซลล์เยื่อบุตลอดระยะเวลาที่ได้การฉายรังสี
3. Ulceration (ระยะแผล)
การบาดเจ็บและการตายของเซลล์ที่เกิดจากการฉายรังสี ส่งผลให้ในระยะนี้เยื่อบุช่องปากมีการเปลี่ยนแปลงและสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยพบว่าเยื่อบุช่องปากจะบางลงมีลักษณะแดงมากขึ้นและมีโอกาสเกิดแผลได้ ลักษณะของแผลที่เกิดขึ้นจะมองเห็นมีเยื่อบางๆสีขาวปกคลุม ด้านบน ซึ่งเยื่อนี้เกิดจากเซลล์ที่ตาย และมักเป็นสาเหตุติดเชื้อจากแบคทีเรียในปากหรือจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นอกจากนี้ยังพบว่าแบคทีเรีย จะทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลายมากขึ้น ทำให้แผลใหญ่และลึกขึ้นได้อีกด้วย
4. Healing (ระยะฟื้นตัว)
การฟื้นตัวของเยื่อบุช่องปากจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ภายหลังสิ้นสุดการฉายรังสีใน 4 สัปดาห์ ถึงแม้ว่าเยื่อบุช่องปากจะฟื้นตัว และหายเป็นปกติแต่ยังพบว่าความแข็งแรงของเยื่อบุจะลดลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบมากขึ้นหากได้รับการฉายรังสีหรือยาเคมีบำบัดในครั้งต่อไป
ความรุนแรงของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ
ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยส่งเสริม


การลดความเจ็บปวดของแผลในปาก
เป็นเป้าหมายแรกที่จะทำให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
เป้าหมายของการรักษาเยื่อบุช่องปากอักเสบ

ลดความเจ็บปวดของแผล เนื่องจากเยื่อบุช่องปากอักเสบนั้นมักจะเป็นแผล กว้างและลึกทำให้ผู้ป่วยปวดมากและทรมาน ผู้ป่วยจะสูญเสียความสามารถ ในการกลืนอาหาร น้ำ หรือแม้กระทั่งน้ำลาย ไม่อยากพูด และไม่อยากแปรงฟัน ดังนั้น การลดความเจ็บปวดของแผลจึงเป็นเป้าหมายแรกที่จะทำให้ผู้ป่วย สามารถที่จะกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

การรักษาความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก เช่นการแนะนำการแปรงฟัน หรือการดื่มน้ำ 2 ลิตร/วัน

การป้องกันและการจัดการการติดเชื้อในช่องปาก โดยพยาบาลจะสอนวิธีการประเมินช่องปากด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถแจ้งได้ทันที เมื่อเกิดแผลจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

การส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อบุในช่องปาก เช่น การให้ผู้ป่วยทานอาหารครบหมู่โดยเน้นอาหารที่มีโปรตีนและพลังงานสูง นอกจากนี้พยาบาลยังมีการประเมินภาวะทุพโภชนาการอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งด้วย
การรักษาที่เป็นมาตรฐาน
1. การดูแลสุขลักษณะของช่องปากขั้นพื้นฐาน
- แนะนำอมกลั้วปากด้วยน้ำเกลือ ประมาณ 4 – 6 ลิตรต่อวัน
- ควรหลีกเลี่ยงการอมกลั้วน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ
- แนะนำใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่มและแปรงอย่างถูกวิธี คือ แปรงทำมุม 45 องศากับเหงือกและฟันโดยเริ่มที่โคนฟันก่อน


2. ประเมินอาการปวด และพิจารณาควบคุมอาการปวด
- หากอาการปวดไม่รุนแรง และความรุนแรงของเยื่อบุช่องปากอักเสบระดับ 2 (grade 2 mucositis) แนะนำควบคุมอาการปวด ด้วยยาชาภายนอกเฉพาะที่ (topical analgesia mouth) tetracaine hydrochloride, mentol และอาจใช้ร่วมกับยากลุ่ม steroid สำหรับป้าย (topical corticosteroid)
- หากมีอาการปวดรุนแรง และความรุนแรงของเยื่อบุช่องปากอักเสบระดับ 3 – 4 (grade 3, 4 mucositis) พิจารณาควบคุมอาการปวดด้วยยารับประทานกลุ่มมอร์ฟีน
3. ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะหากมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว
4. ประเมินอาการอื่นๆที่อาจเกี่ยวข้องด้วย เช่น อาการท้องเสีย และภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ



เติมกำลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็งให้สามารถกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด คือสภาพจิตใจที่ต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการรักษา รวมไปถึงกำลังใจจากรอบข้างของคนในครอบครัวเองก็สำคัญเช่นกัน
PVP Gel ผลิตภัณฑ์กลั้วปากสำหรับบรรเทาแผลในปากที่เกิดจากการรักษาเคมีบำบัด หรือแผลผ่าตัดในช่องปาก สามารถอม กลั้วปากทิ้งไว้แล้วคายทิ้งหรือกลืนเข้าไปได้โดยไม่มีอันตราย ซึ่งข้อดีของ PVP Gel ก็คือ
- ลดความเจ็บแสบแผลในปากในครั้งแรกที่ใช้
- สามารถดื่มน้ำ ทานอาหารได้โดยไม่รู้สึกเจ็บภายในช่องปาก
- สามารถสนทนา พูดคุยได้เหมือนปกติ
- สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับหลังจากใช้ PVP GEL
- PVP GEL ช่วยลดความเจ็บปวดจากแผลในปากได้ใน 5 นาที
- PVP GEL จะเคลือบแผลช่วยให้อาการเยื่อบุช่องปากอักเสบหายได้เร็วขึ้น
- ลดปัญหาการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในปากเนื่องจากขาดการรักษาอนามัยในช่องปากในช่วงที่เป็นแผล
- ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลืนอาหาร ดื่มน้ำ กลืนน้ำลายได้ดีขึ้น สามารถพูดได้ชัดเจนมากขึ้นและนอนหลับได้ดีขึ้น
กลไกการออกฤทธิ์

โพลีไวนิลไพโรลิโดน (Polyvinylpyrrolidone) เป็นโพลีเมอร์ที่สามารถละลายได้ในน้ำ เพียงแค่อมแล้วกลั้วในปาก จากนั้นจะเกิดแผ่นฟิล์มเคลือบบริเวณแผล ทำให้แผลไม่ถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อม สามารถบรรเทาอาการได้อย่างเห็นผลมากที่สุด นอกจากนั้นยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับเนื้อเยื่อในช่องปาก
ช่วยลดความรู้สึกแสบร้อน และลดการเจ็บปวดแผลในปากได้ทันที ทำให้สามารถพูดได้ ทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือกลืนน้ำลายได้ดีขึ้น
ผลการใช้ในการรักษา (Clinical Efficacy)
การศึกษาประโยชน์ของ Polyvinylpyrrolidone
ต่อการลดความเจ็บของแผลในช่องปากในผู้ป่วยมะเร็ง

กราฟแสดงประสิทธิภาพของ PVP ที่เคลือบเยื่อบุช่องปากก่อนและหลัง 120 นาที
โพลีไวนิลไพโรลิโดนสามารถเคลือบเยื่อบุช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากเยื่อบุช่องปากอักเสบนอกจากนี้คุณสมบัติของโพลิเมอร์ช่วยยึดเกาะเยื่อบุช่องปากกับเมมเบรนสังเคราะห์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของเนื้อเยื่อ และช่วยสมานแผลได้ไวขึ้น


ผลการรักษา : สร้างเกราะป้องกันให้กับเยื่อบุช่องปากที่มีอาการอักเสบ
และช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเนื้อเยื่อ
จากการศึกษาโดย Decordi and Martina
ในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับรังสีรักษาจำนวน 30 คน

ในภาพรวมพบว่า PVP GEL มีประสิทธิภาพดีในการช่วยบรรเทาอาการเจ็บทำให้ทานอาหารได้ดีขึ้น และผู้ป่วยสามารถทนยาได้ดี
(PVP GEL has good efficacy to relief pain from mucositis. It is easy to use and well tolerated)
จากการศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 145 คน ที่ได้รับยาเคมีบำบัด
หรือรังสีรักษาซึ่งใช้ PVP oral gel ตั้งแต่วันแรก
ของการให้ยาหรือฉายรังสี และใช้ต่อเนื่อง 1 เดือน

พบว่า PVP oral gel ป้องกันการเกิดแผลในปากได้ร้อยละ 37.24 และร้อยละ 93.4 ของผู้ที่เกิดแผลในปาก หายเป็นปกติภายใน 1 เดือน

ข้อบ่งใช้
พีวีพีเจลมีกลไกการออกฤทธิ์โดยการเคลือบเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก
ทำให้บรรเทาอาการอักเสบและลดความปวดแสบของแผลในช่องปากที่เกิดจากแผลในปาก, แผลร้อนใน แผลอักเสบของเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากที่เกิดจากการทำรังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
สามารถใช้บรรเทาความเจ็บแสบแผลในปากและลำคอที่เกิดจากการผ่าตัดช่องปาก หรือทอนซิล รวมถึงแผลในปากจากทันตกรรม
นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นในช่องปากในภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย หรือช่วยบรรเทาอาการระคายคอ ความรู้สึกไม่สบายในคอและช่วยให้ผู้ป่วยกลืนอาหารได้ง่ายขึ้น


สามารถกลืนได้โดยไม่อันตราย เนื่องจากส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เป็น Food Grade ทั้งหมด
สามารถใช้ได้วันละ 3 ครั้งก่อนทานอาหาร 30 นาที และก่อนนอน หรือตามต้องการ



















